วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่10
วันที่ 14 สิงหาคม  2555 
**หมายเหตุ: ไม่มีการเรียนการสอน
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่9
วันที่ 7 สิงหาม  2555
** หมายเหตุ : เนื่องจากอาจารย์ไปรับปริญญารุ่นพี่จึงมีการเรียนชดเชยใวันที่ 25 สิงหาคม 2555
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่8
วันที่ 31 กรกฎาคม  2555

**หมายเหตุ: สอบกลางภาค
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่7
วันที่ 24 กรกฎาคม 2555 
สิ่งที่ได้รับ
สถานที่ > ไบเทค
             > ท้องฟ้าจำลอง
             >พิพิทธภัณฑ์   > วิทยาศาสตร์
                                      > หุ่นขี้ผึ้ง
                                      > เด็ก
                                      > สัตว์น้ำ
                                      > โอเชียล
                                      > สัตว์น้ำบางแสน
                                      > บึงฉวาก

ประโยชน์ > ประสบการณ์ตรง
                > เกิดความสนุกสนาน
                > เพลิดเพลิน
                > ตื่นเต้น
                > มีสาระ
                > ได้ความรู้
                > เกิดควมสงสัย
                > คำถาม
                > อยากรู้

ช้าง > การขยายพันธ์
       > ลักษณะ
       > ที่อยู่
       > อาหาร
       > ประโยชน์
       > ข้อควรระวัง
       > อาชีพ
       > การขยายพันธ์

1 . > ดึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
ดึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
จินตนาการ ประสบการณ์
การเชื่อมโยง
งานวาดรูปศิลปะ

2 . > เด็กๆอยากรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับช้าง
- ช้างเกิดมาจากไหน
- ทำไมช้างตัวใหญ่
- ช้างนอนตอนไหน
- ช้างร้องอย่างไร
- ช้างสืบพันธ์อย่างไร
- ช้างกินอะไรเป็นอาหาร


- อาจารย์ อธิบายเกี่ยวกับการเขียนแผน
- ร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กแต่ละวัย

** งานที่มอบหมาย
- เขียนแผนแบบการสอน
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่6
วันที่ 17 กรกฎาคม 2555
สิ่งที่ได้รับ
การเล่น
- การเรียนรู้ของเด็กเกิดจากการเล่น การเล่นทำให้เด็กเกิดประสบการณ์
- เด็กได้ลองผิดลองถูก เด็กเล่นก็จะเกิดทักษะ
- เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง5
- เครื่องมือที่มำให้เด็กเกิดการเรียนรู้
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคือการเรียนรู้
- เปิดโอกาสให้เด็กมีประสบการณ์การเล่นของเล่นวิทยาศาสตร์

-ให้เด็กเกิดการเรียนรู้ 
-เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง5
-การเล่นเป็นเครื่องมือในการทำให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้
-การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม คือ การเกิดการเรียนรู้
*งานมอบหมาย

เป็นงานกลุ่มทำเป็น Map ใส่กระดาษที่อาจารย์แจกมา หัวข้อ วิทยาศาสตร์น่ารู้



บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่5
วันที่ 10 กรกฎาคม 2555

สื่่อวิทยาศาสตร์ที่ประดิษฐ์
1 ลวดมหัศจรรย์
อุปกรณ์
               - ลวด
               - ไม้
               -ไหมพรม
               - กาว
               - ลูกปัด
วิธีทำ 
              - นำไม้มาติดกาวเข้าด้วยกันเปนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
              - นำลูกปัดมาใส่ในลวดจากนั้นนำลวดไปมัดกับไม้ให้แน่นและแข็งแรง
              - นำไหมพรมมาพันติดกับไม้ให้หมดเพื่อความสวยงามและคงทน
วิธีการเล่น
              - นำไม้สลับกลับหัวไปมาเพื่อให้ลูกปัดในลวดได้วิ่งจากบนลงล่างในลวดที่ต่างกันระหว่างเส้น  ตรงและเส้นโค้งเพื่อให้เด็กสังเกตการเคลื่อนที่ของลูกปัด 

2 บูมเมอแรง
อุปกรณ์
              - กระดาษแข็ง
              - กรรไกร
              -  เทปกาว
              - สีเมจิก
วิธีทำ 
             -นำกระดาษมาตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมจากนั้นนำมาติดกันด้วยเทปกาวให้มีลักษณะคล้ายกลางหัน
             - นำเทปกาวมาติดให้แน่นและแข็งแรง
             - ตกแต่งด้วยสีเมจิกเพื่อความสวยงามตามใจชอบ
วิธีการเล่น 
             - นำบูมเมอแรงไว้ระหว่างมือจากนั้นใช้นิ้วมือปัดออกไปสังเกตการเคลื่อที่ของบูมเมอแรง

                                                  ** นำเสนองานกลุ่ม(ของเล่นวิทยาศาสตร์)
                                                      - ลวดมหัศจรรย์
                                                      - บูมเมอแรง



   

                                                    ** ผลงานสื่อวิทยาศาสตร์


** งานที่มอบหมาย
ให้นำวิธีทำพร้อมรูปภาพขั้นตอนการทำมาส่ง  เพื่อที่จะได้รวบรวมเป็นเล่ม
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่4
วันที่ 3 กรกฎาคม 2555
สิ่งที่ได้รับคือ

 ดูวีดีโอเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แสนสนุกสำหรับเด็ก

** ฝนเกิดจากอะไร        

 ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก

** การระเหย
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นก๊าซ โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆได้รับพลังงานหรือความร้อน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนสถานะเป็น ไอน้ำ
** การระเหิด
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นก๊าซ โดยไม่ผ่านสถานะการเป็นของเหลว ได้แก่น้ำแข็งแห้ง เปลี่ยนสถานะเป็น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
** การควบแน่น
 คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากก๊าซ กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อก๊าซนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ ไอน้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ
** การแข็งตัว
 คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง โดยของแข็งนั้น สามารถเปลี่ยนสถานะกลับเป็นของเหลวได้ โดยการได้รับพลังงานหรือความร้อน
** การตกผลึก
 คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง แต่โดยทั่วไปแล้ว ตกผลึกนั้นนิยมใช้ กับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทางทางเคมี เสียมากกว่า เพราะโดยทั่วไปใช้กับสารประกอบหรือวัตถุ ที่ไม่สามารถหลอมเหลว หรือ ละลาย กลับเป็นของเหลวได้อีก
** การหลอมเหลว หรือการละลาย
 คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อของแข็งนั้นๆ ได้รับความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำแข็ง เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ



** งานที่มอบหมาย
  1. เมื่อได้หน่วยการเรียนรู้จากโรงเรียนอนุบาลสาธิตจันทรเกษม  แล้วให้ทำเป็น 
       Mind Map  ว่าเราจะสอนอะไร   สิ่งที่จะต้องมีคือ  ภาพ  การทดลอง

      และยกตัวอย่าง (งานกลุ่ม)
  2. ทำสื่อวิทยาศาสตร์ที่เด้กสามารถเล่นเองได้ในมุมประสบการณ์ (จับคู่ 2 คน)
      - อุปกรณ์จะต้องเป็นเศษวัสดุเหลือใช้  
      - ถ่ายรูปเป็นขั้นตอน
  3. หาวิธีการทำของเล่นวิทยาศาสตร์มา 1 อย่าง   เพื่อที่จะนำมาสอนเด็ก (จับคู่ 2 คน)
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่3
วันที่ 26 มิถุนายน 2555
สิ่งที่ได้รับคือ
จัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
  -อาจารย์ยกตัวอย่างแมวเหมียวให้ฟัง(เด็กเกิดการเรียนรู้)
   1.พัฒนาการทางสติปัญญา
   2.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
  2.1 กระบวนการพื้นฐานเบื้องต้น
         -สังเกต(สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก)
         -การวัด (เรื่องปริมาณ)
         -การจำแนกประเภท
         -การหาความสัมพันธ์มิติกับเวลา
         -การสื่อความหมาย
         -การคำนวนพยากรณ์
   2.2กระบวนการแบบผสม
        -ตั้งสมมติฐาน
        -กำหนดเชิงปฏิบัติการณ์
        -กำหนดและควบคุมตัวแปร
        -ทดลอง
        -ตีความและสรุป
  3.การใช้สื่อ
        -เลือกให้เหมาะสม
        -เตรียมสื่อ
        -ใช้
        -ประเมิน
  4.วิธีการจัด
1.แบบเป็นทางการ
    -รูปแบบการสอนแบบต่างๆเช่น โครงงานวิทยาศาสตร์
    -มีจุดมุ่งหมาย
2.แบบไม่เป็นทางการ
    -มุมวิทยาศาสตร์
    -สภาพแวดล้อมที่ครูเตรียม
*งานที่มอบหมาย
1.ทำmid map กลุ่มละ4-5 คน เลือกหัวข้อ1หน่วย เพื่อไปทำแผนการสอน