**หมายเหตุ: ไม่มีการเรียนการสอน
แฟ้มสะสมงานในรายวิชาการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่7
วันที่ 24 กรกฎาคม 2555
สิ่งที่ได้รับ
สถานที่ > ไบเทค
> ท้องฟ้าจำลอง
>พิพิทธภัณฑ์ > วิทยาศาสตร์
> หุ่นขี้ผึ้ง
> เด็ก
> สัตว์น้ำ
> โอเชียล
> สัตว์น้ำบางแสน
> บึงฉวาก
ประโยชน์ > ประสบการณ์ตรง
> เกิดความสนุกสนาน
> เพลิดเพลิน
> ตื่นเต้น
> มีสาระ
> ได้ความรู้
> เกิดควมสงสัย
> คำถาม
> อยากรู้
ช้าง > การขยายพันธ์
> ลักษณะ
> ที่อยู่
> อาหาร
> ประโยชน์
> ข้อควรระวัง
> อาชีพ
> การขยายพันธ์
1 . > ดึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
ดึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
จินตนาการ ประสบการณ์
การเชื่อมโยง
งานวาดรูปศิลปะ
2 . > เด็กๆอยากรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับช้าง
- ช้างเกิดมาจากไหน
- ทำไมช้างตัวใหญ่
- ช้างนอนตอนไหน
- ช้างร้องอย่างไร
- ช้างสืบพันธ์อย่างไร
- ช้างกินอะไรเป็นอาหาร
- อาจารย์ อธิบายเกี่ยวกับการเขียนแผน
- ร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กแต่ละวัย
** งานที่มอบหมาย
- เขียนแผนแบบการสอน
วันที่ 24 กรกฎาคม 2555
สิ่งที่ได้รับ
สถานที่ > ไบเทค
> ท้องฟ้าจำลอง
>พิพิทธภัณฑ์ > วิทยาศาสตร์
> หุ่นขี้ผึ้ง
> เด็ก
> สัตว์น้ำ
> โอเชียล
> สัตว์น้ำบางแสน
> บึงฉวาก
ประโยชน์ > ประสบการณ์ตรง
> เกิดความสนุกสนาน
> เพลิดเพลิน
> ตื่นเต้น
> มีสาระ
> ได้ความรู้
> เกิดควมสงสัย
> คำถาม
> อยากรู้
ช้าง > การขยายพันธ์
> ลักษณะ
> ที่อยู่
> อาหาร
> ประโยชน์
> ข้อควรระวัง
> อาชีพ
> การขยายพันธ์
1 . > ดึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
ดึงประสบการณ์เดิมของเด็ก
จินตนาการ ประสบการณ์
การเชื่อมโยง
งานวาดรูปศิลปะ
2 . > เด็กๆอยากรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับช้าง
- ช้างเกิดมาจากไหน
- ทำไมช้างตัวใหญ่
- ช้างนอนตอนไหน
- ช้างร้องอย่างไร
- ช้างสืบพันธ์อย่างไร
- ช้างกินอะไรเป็นอาหาร
- อาจารย์ อธิบายเกี่ยวกับการเขียนแผน
- ร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กแต่ละวัย
** งานที่มอบหมาย
- เขียนแผนแบบการสอน
วันที่ 17 กรกฎาคม 2555
สิ่งที่ได้รับ
การเล่น
- การเรียนรู้ของเด็กเกิดจากการเล่น การเล่นทำให้เด็กเกิดประสบการณ์
- เด็กได้ลองผิดลองถูก เด็กเล่นก็จะเกิดทักษะ
- เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง5
- เครื่องมือที่มำให้เด็กเกิดการเรียนรู้
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคือการเรียนรู้
- เปิดโอกาสให้เด็กมีประสบการณ์การเล่นของเล่นวิทยาศาสตร์
-ให้เด็กเกิดการเรียนรู้
-เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง5
-การเล่นเป็นเครื่องมือในการทำให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้
-การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม คือ การเกิดการเรียนรู้
*งานมอบหมาย
เป็นงานกลุ่มทำเป็น Map ใส่กระดาษที่อาจารย์แจกมา หัวข้อ วิทยาศาสตร์น่ารู้
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่5
วันที่ 10 กรกฎาคม 2555
สื่่อวิทยาศาสตร์ที่ประดิษฐ์
1 ลวดมหัศจรรย์
อุปกรณ์
- ลวด
- ไม้
-ไหมพรม
- กาว
- ลูกปัด
วิธีทำ
- นำไม้มาติดกาวเข้าด้วยกันเปนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
- นำลูกปัดมาใส่ในลวดจากนั้นนำลวดไปมัดกับไม้ให้แน่นและแข็งแรง
- นำไหมพรมมาพันติดกับไม้ให้หมดเพื่อความสวยงามและคงทน
วิธีการเล่น
- นำไม้สลับกลับหัวไปมาเพื่อให้ลูกปัดในลวดได้วิ่งจากบนลงล่างในลวดที่ต่างกันระหว่างเส้น ตรงและเส้นโค้งเพื่อให้เด็กสังเกตการเคลื่อนที่ของลูกปัด
2 บูมเมอแรง
อุปกรณ์
- กระดาษแข็ง
- กรรไกร
- เทปกาว
- สีเมจิก
วิธีทำ
-นำกระดาษมาตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมจากนั้นนำมาติดกันด้วยเทปกาวให้มีลักษณะคล้ายกลางหัน
- นำเทปกาวมาติดให้แน่นและแข็งแรง
- ตกแต่งด้วยสีเมจิกเพื่อความสวยงามตามใจชอบ
วิธีการเล่น
- นำบูมเมอแรงไว้ระหว่างมือจากนั้นใช้นิ้วมือปัดออกไปสังเกตการเคลื่อที่ของบูมเมอแรง
** นำเสนองานกลุ่ม(ของเล่นวิทยาศาสตร์)
- ลวดมหัศจรรย์
- บูมเมอแรง
วันที่ 10 กรกฎาคม 2555
สื่่อวิทยาศาสตร์ที่ประดิษฐ์
1 ลวดมหัศจรรย์
อุปกรณ์
- ลวด
- ไม้
-ไหมพรม
- กาว
- ลูกปัด
วิธีทำ
- นำไม้มาติดกาวเข้าด้วยกันเปนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
- นำลูกปัดมาใส่ในลวดจากนั้นนำลวดไปมัดกับไม้ให้แน่นและแข็งแรง
- นำไหมพรมมาพันติดกับไม้ให้หมดเพื่อความสวยงามและคงทน
วิธีการเล่น
- นำไม้สลับกลับหัวไปมาเพื่อให้ลูกปัดในลวดได้วิ่งจากบนลงล่างในลวดที่ต่างกันระหว่างเส้น ตรงและเส้นโค้งเพื่อให้เด็กสังเกตการเคลื่อนที่ของลูกปัด
2 บูมเมอแรง
อุปกรณ์
- กระดาษแข็ง
- กรรไกร
- เทปกาว
- สีเมจิก
วิธีทำ
-นำกระดาษมาตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมจากนั้นนำมาติดกันด้วยเทปกาวให้มีลักษณะคล้ายกลางหัน
- นำเทปกาวมาติดให้แน่นและแข็งแรง
- ตกแต่งด้วยสีเมจิกเพื่อความสวยงามตามใจชอบ
วิธีการเล่น
- นำบูมเมอแรงไว้ระหว่างมือจากนั้นใช้นิ้วมือปัดออกไปสังเกตการเคลื่อที่ของบูมเมอแรง
** นำเสนองานกลุ่ม(ของเล่นวิทยาศาสตร์)
- ลวดมหัศจรรย์
- บูมเมอแรง
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่4
วันที่ 3 กรกฎาคม 2555
สิ่งที่ได้รับคือ
ดูวีดีโอเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แสนสนุกสำหรับเด็ก
** ฝนเกิดจากอะไร
ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก
** งานที่มอบหมาย
1. เมื่อได้หน่วยการเรียนรู้จากโรงเรียนอนุบาลสาธิตจันทรเกษม แล้วให้ทำเป็น
Mind Map ว่าเราจะสอนอะไร สิ่งที่จะต้องมีคือ ภาพ การทดลอง
และยกตัวอย่าง (งานกลุ่ม)
2. ทำสื่อวิทยาศาสตร์ที่เด้กสามารถเล่นเองได้ในมุมประสบการณ์ (จับคู่ 2 คน)
- อุปกรณ์จะต้องเป็นเศษวัสดุเหลือใช้
- ถ่ายรูปเป็นขั้นตอน
3. หาวิธีการทำของเล่นวิทยาศาสตร์มา 1 อย่าง เพื่อที่จะนำมาสอนเด็ก (จับคู่ 2 คน)
วันที่ 3 กรกฎาคม 2555
สิ่งที่ได้รับคือ
ดูวีดีโอเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แสนสนุกสำหรับเด็ก
** ฝนเกิดจากอะไร
ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก
- ** การระเหย
- คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นก๊าซ โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆได้รับพลังงานหรือความร้อน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนสถานะเป็น ไอน้ำ
- ** การระเหิด
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นก๊าซ โดยไม่ผ่านสถานะการเป็นของเหลว ได้แก่น้ำแข็งแห้ง เปลี่ยนสถานะเป็น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- ** การควบแน่น
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากก๊าซ กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อก๊าซนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ ไอน้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ
** การแข็งตัว
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง โดยของแข็งนั้น สามารถเปลี่ยนสถานะกลับเป็นของเหลวได้ โดยการได้รับพลังงานหรือความร้อน
** การตกผลึก
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง แต่โดยทั่วไปแล้ว ตกผลึกนั้นนิยมใช้ กับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทางทางเคมี เสียมากกว่า เพราะโดยทั่วไปใช้กับสารประกอบหรือวัตถุ ที่ไม่สามารถหลอมเหลว หรือ ละลาย กลับเป็นของเหลวได้อีก
** การหลอมเหลว หรือการละลาย
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อของแข็งนั้นๆ ได้รับความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำแข็ง เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ
** งานที่มอบหมาย
1. เมื่อได้หน่วยการเรียนรู้จากโรงเรียนอนุบาลสาธิตจันทรเกษม แล้วให้ทำเป็น
Mind Map ว่าเราจะสอนอะไร สิ่งที่จะต้องมีคือ ภาพ การทดลอง
และยกตัวอย่าง (งานกลุ่ม)
2. ทำสื่อวิทยาศาสตร์ที่เด้กสามารถเล่นเองได้ในมุมประสบการณ์ (จับคู่ 2 คน)
- อุปกรณ์จะต้องเป็นเศษวัสดุเหลือใช้
- ถ่ายรูปเป็นขั้นตอน
3. หาวิธีการทำของเล่นวิทยาศาสตร์มา 1 อย่าง เพื่อที่จะนำมาสอนเด็ก (จับคู่ 2 คน)
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่3
วันที่ 26 มิถุนายน 2555
สิ่งที่ได้รับคือ
จัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
-อาจารย์ยกตัวอย่างแมวเหมียวให้ฟัง(เด็กเกิดการเรียนรู้)
1.พัฒนาการทางสติปัญญา
2.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2.1 กระบวนการพื้นฐานเบื้องต้น
-สังเกต(สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก)
-การวัด (เรื่องปริมาณ)
-การจำแนกประเภท
-การหาความสัมพันธ์มิติกับเวลา
-การสื่อความหมาย
-การคำนวนพยากรณ์
2.2กระบวนการแบบผสม
-ตั้งสมมติฐาน
-กำหนดเชิงปฏิบัติการณ์
-กำหนดและควบคุมตัวแปร
-ทดลอง
-ตีความและสรุป
3.การใช้สื่อ
-เลือกให้เหมาะสม
-เตรียมสื่อ
-ใช้
-ประเมิน
4.วิธีการจัด
1.แบบเป็นทางการ
-รูปแบบการสอนแบบต่างๆเช่น โครงงานวิทยาศาสตร์
-มีจุดมุ่งหมาย
2.แบบไม่เป็นทางการ
-มุมวิทยาศาสตร์
-สภาพแวดล้อมที่ครูเตรียม
*งานที่มอบหมาย
1.ทำmid map กลุ่มละ4-5 คน เลือกหัวข้อ1หน่วย เพื่อไปทำแผนการสอน
วันที่ 26 มิถุนายน 2555
สิ่งที่ได้รับคือ
จัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
-อาจารย์ยกตัวอย่างแมวเหมียวให้ฟัง(เด็กเกิดการเรียนรู้)
1.พัฒนาการทางสติปัญญา
2.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2.1 กระบวนการพื้นฐานเบื้องต้น
-สังเกต(สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก)
-การวัด (เรื่องปริมาณ)
-การจำแนกประเภท
-การหาความสัมพันธ์มิติกับเวลา
-การสื่อความหมาย
-การคำนวนพยากรณ์
2.2กระบวนการแบบผสม
-ตั้งสมมติฐาน
-กำหนดเชิงปฏิบัติการณ์
-กำหนดและควบคุมตัวแปร
-ทดลอง
-ตีความและสรุป
3.การใช้สื่อ
-เลือกให้เหมาะสม
-เตรียมสื่อ
-ใช้
-ประเมิน
4.วิธีการจัด
1.แบบเป็นทางการ
-รูปแบบการสอนแบบต่างๆเช่น โครงงานวิทยาศาสตร์
-มีจุดมุ่งหมาย
2.แบบไม่เป็นทางการ
-มุมวิทยาศาสตร์
-สภาพแวดล้อมที่ครูเตรียม
*งานที่มอบหมาย
1.ทำmid map กลุ่มละ4-5 คน เลือกหัวข้อ1หน่วย เพื่อไปทำแผนการสอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)